งานเดินสาย Fiber Optic
ข้อมูลสินค้า
-
รหัสสินค้า
-
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
19/10/2013 19:06
ดาวน์โหลดไฟล์ PDF
-
รายละเอียดสินค้า
- บริษัทเรามีผู้ชำนาญงานในการออกแบบติดตั้งวางระบบโครงข่ายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic Cable)
- ยินดีให้คำปรึกษาในการวางระบบฟรี ตั้งงบประมาณแก่โครงการ Network Computer Lan FiberOptic CCTV/IP Camera
- บริการงานเดินสาย Fiber Optic(Indoor,Outdoor) ทุกชนิดสำนักงาน อาคาร โรงงานอุตสหากรรมภายในภายนอกอาคาร
- บริการเดินสายติดตั้งระบบLAN
- เดินสายกล้องวงจรปิดIP Camera
- บริการเข้าหัวสายFiber Optic
- บริการService งานระบบNetwork
- บริการออกแบบติดตั้ง จำหน่ายและติดตั้ง เดินสายกล้องวงจรปิด HI-VIEW, Panasonic, AV-TECH
- งานเดินสายไฟฟ้า ท่อ ร้อยสายไฟ รางไฟฟ้า ท่อIMC, EMT, PVC
- เดินสายLAN ระยะใกล้ ระยะไกล CAT5e CAT6e สาย Fiber Optic
- งานตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไขระบบไฟฟ้า
- งานออกแบบ ติดตั้ง ประกอบ ตู้สวิทซ์บอร์ด MDB ตู่คอนโทรล RACK
- ระบบกล้องวงจรปิด CCTV HI-VIEW
- ระบบโทรศัพท์ ระบบตู้สาขาโทรศัพท์ สาย Cable Indoor&Outdoor
- ติดตั้ง Access Point Indoor&Outdoor
- มีบริการทำสาย Assembly ตามความต้องการของท่าน โดยสามารถระบุชนิด Connector และความยาวได้ไม่จำกัด
- มีบริการ Terminate หัว และทดสอบสาย นอกสถานที่ทั่วประเทศ ภายใต้สโลแกน "ทันใจ ทั่วไทย"
- หัวแบบไหน? ก็สามารถสนองความต้องการของท่านได้ทันใจ
การแบ่งชนิดของเส้นใยแก้วนำแสงตามจำนวน Propagation Mode
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
• Single Mode optic fiber (SM fiber) เส้นใยแก้วนำแสงแบบ SM fiber นี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของ Cord ประมาณ 5-10 ไมครอน และขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของ Cladding ประมาณ 125 ไมครอน ซึ่งส่วนของ Core ที่มีขนาดเล็กมากนี้เองมีผลทำให้แสงเดินทางออกมาเพียงโหมดเดียว มีการแตกกระจายของสัญญาณเกิดขึ้นได้ยากทำให้มี Bandwidth ที่กว้าง
• Multi Mode optic fiber (MM fiber) เส้นใยแก้วนำแสงแบบ MM fiber นี้ มีขนาดของ Core ประมาณ 50 และ 65 ไมครอน และมีขนาดของ Cladding ประมาณ 125 ไมครอน ซึ่งจะเห็นว่าขนาดของ Core มีขนาดใหญ่กว่าเส้นใยแก้วนำแสงแบบ SM fiber มาก มีผลทำให้แสงที่ตกกระทบที่ปลายอินพุตของเส้นใยแก้วนำแสงมีมุมตกกระทบที่แตกต่างกันหลายค่า ทำให้มีแนวลำแสงเกิดขึ้นหลายโหมดซึ่งทำให้เกิดการแตกกระจายของโหมดแสง
หัวต่อ (Connectors)
หัวต่อมีหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างเส้นใยนำแสงสองเส้น หรือระหว่างเส้นใยนำแสงกับแหล่งกำเนิดแสง หรือระหว่างเส้นใยนำแสงกับดีเท็กเตอร์ ทำหน้าที่ต่อ หรือปลดสายออกจากกัน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กับสายที่ออกจากเครื่องมือ สายที่เดินในจุดแยกสาย เมื่อมีหัวต่อในวงจรจะเกิดการสูญเสียในแต่ละจุดที่ใช้หัวต่อ แต่จำนวนหัวต่อที่ต้องใช้นั้นอย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีสองจุด คือที่เครื่องส่ง 1 ตัว และเครื่องรับ1 ตัว และถ้ามีความจำเป็นถ้าใช้สายเชื่อมต่อหรือเดินในแผงจำนวนหัวต่อก็จะเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นการลดจำนวนหัวต่อให้น้อยที่สุดก็จะช่วยลดการสูญเสียพลังงานของแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หัวต่อส่วนใหญ่จะมีค่าสูญเสียอยู่ระหว่าง 0.1 ถึง 0.7 dB ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของเส้นใยนำแสงที่ใช้ และวิธีการต่อ
ชนิดของสายไฟเบอร์ออฟติก ในปัจจุบัน
1.สาย Indoor
2.สาย Outdoor
3.สาย Indoor/Outdoor
4.สาย Anti-bending
5.สาย Drop-wire
6.สาย Fig8 และ
7.สาย ADSS (All-Dielectric Self Support)
และจำนวนแกนไฟเบอร์ (Core) มีตั้งแต่ 1-2-4-6-12-24-48-60-72-96 Core
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้หากผู้ว่าจ้างไม่ทราบหรือไม่สามารถตรวจสอบบ่งชี้ได้แน่ชัด ก็จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือในการตรวจสอบจากผู้ให้บริการ
- SIMPLEX หมายถึง เคเบิ้ลใยแก้วชนิด 1 แกน หรือ แกนเดียว
- ZIPCORD หมายถึง เคเบิ้ลใยแก้วชนิด 2 แกน ที่นำเคเบิ้ลใยแก้วแกนเดียวมายึดติดกันคล้ายซิปกางเกง Bare 2mm., 3mm. หมายถึง Jacket ที่หุ้มสาย ถ้าเป็น Bare คือ 900 um ส่วน 2mm., 3mm. หมายถึง Jackter 2 mm. และ 3mm.
- DISTRIBUTION หมายถึง เคเบิ้ลใยแก้วตั้งแต่ 4 แกนขึ้นไป ใช้สำหรับเดินสายกระจายไปตามจุดต่างๆ
- FTTH หมายถึง เคเบิ้ลใยแก้วนำแสงที่ใช้งาน Fiber Optic To The Home ซึ่งจะมีโครงสร้างเป็นเหลี่ยมๆ โดยมี FRP เป็นตัวรับแรงดึงขนาบเส้นใยแก้วนำแสงไว้ Jacket มักจะเป็นแบบ LSZH ทำให้มีคุณสมบัติสามารถเดินจากภายนอกอาคารเข้าไปถึงจุดใช้งานได้ทันที
- FTTH w/Drop Wire หมายถึง เคเบิ้ลใยแก้วนำแสง FTTH ที่มีเส้นลวดสำหรับแขวนเคเบิ้ลนึดติดกับเคเบิ้ล FTTH มาด้วยซึ่จะสะดวกในกรณีที่นำเคเบิ้ล FTTH ไปแขวนตามเสาไฟฟ้า หรือเสาโทรเลข
- ANTI BENDING เป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงที่ถูกออกแบบให้มีความทนทานต่อสภาวะในการเดินสายในอาคาร สามารถเดินลอยตีกิ๊บ หรือโค้งงอได้โดยไม่มีข้อจำกัด เหมาะกับงานที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่สมบุกสมบัน
- BUFFER TUBE 900 um เป็นท่อสำหรับสวมป้องการหักของแก้ว Optic Fiber เพราะเมื่อปอกสาย Optic Fiber เพื่อเข้า Connector จะเหลือเส้นแก้วเปลือยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 250 um ซึ่งแตกหักได้ง่ายดังนั้นเพิ่มความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานงานติดตั้งจะต้องสวมท่อ Buffer Tube 900 um ในการขดสายไว้ใน Fiber Optic Distribution Panel หรือ Box ทุกครั้ง
จำนวนจุดเชื่อมต่อ หรือจุดพักสาย
กรณีงานเดินสาย Outdoor จำเป็นต้องระบุจำนวนและประเภทของ Fiberoptic Distribution Unit (Steel or Stanless) รวมถึงขนาดของ FDU และความสูงในการติดตั้ง
กรณีที่มีการพักเพื่อเชื่อมสายไฟเบอร์ออฟติก จำเป็นต้องระบุจำนวนและประเภทของ Enclousure (Aerial or Underground, Vertical or Horizontal)
กรณีงานเดินสาย Indoor การจัดเก็บสายไฟเบอร์ออฟติกต้นทางและปลายทางจะทำการจัดเก็บเข้าตู้ RACK หรือ นำเข้า Fiberoptic Distribution Box(Wall Mount) หรือเข้า Splice Tray เป็นรายละเอียดที่จำเป็นต้องระบุเพื่อการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์
ประเภทของ Connector
เพื่อจะนำสายไฟเบอร์ออฟติกเชื่อมต่อเข้าอุปกรณ์ ผู้ใช้บริการจึงจำเป็นต้องทราบรายละเอียดของระบบและอุปปกรณ์ที่ตนจะนำมาใช้ร่วมกันกับระบบสายไฟเบอร์ออฟติก เช่น ST, SC, LC หรือ FC เป็นต้น
ทำไม? ถึงต้องใช้สาย Outdoor/Indoor
จากความเคยชินของการติดตั้งสาย Outdoor ของประเทศไทย ส่วนใหญ่ จะเดินาย Outdoor จากภายนอกและเดินสาย Outdoor ต่อเข้าภายในอาคารซึ่งผิดข้อกำหนดของมาตรฐานสากล กล่าวคือ สายOutdoor จะลามไฟ(Flamable) ซึ่งไม่เหมาะกับการเดินภายในอาคาร ดังนั้นเพื่อความถูกต้องจึงต้องใช้สาย Outdoor/Indoor มาเดินสายแทน Outdoor เนื่องจากสาย Outdoor/Indoor มีคุณสมบัติที่พิเศษคือฉนวนภายนอก ใช้สาร PE ทนสภาวะแวดล้อมนอก และเติมสารป้องกันการลามไฟ (FR) และสาร Low Smoke Zero Halogen (LSZH) ตามมาตรฐานการป้องกันอัคคีภัยของสากล เเพื่อห้มีคุณสมบัติมีควันน้อย ควันไม่เป็นอันตรายเมื่อเกิดไฟไหม้และไม่ลามไฟ
ความหมายของคำย่อ
PE = Polyethelyne เป็นชนิดของวัสดุที่นำมาทำJacket วึ่งมีความทนทานต่อดินฟ้าอากาศอย่างมาก
LSZH = Low Smoke Zero Halogen เป็นชนิดของวัสดุทางวิทยศาสตร์ที่นำมาผสมกับวัสดุอื่น ทำให้มีประสิทธิภาพเมื่อ Jacket ถูกไฟเผาจะมีควันน้อย และไม่มีสารพิษในควันไฟ
FR = Flame Retadant เป็นชนิดของวัสดุทางวิทยศาสตร์ที่ช่วยให้วัสดุที่นำมาทำ Jacket ไม่ลามไฟ
ทำไม ? ถึงต้องใช้สาย OUTDOOR / INDOOR with Drop Wire
ปัจจุบันการใช้งานการสื่อสารมีความจำเป็นที่ต้องเดินสายสัญญาณระยะทางยาวๆ ซึ่งต้องใช้สาย Fiber Optic เป็นสายสัญญาณหลักและการติดตั้งจริงมักจะเดิน Outside Plant หรือ Outdoor โดยติดตั้งบนเสาไฟฟ้าหรือตามชายคาอาคารพาณิชย์ทั่วไป เช่น การติดตั้งกล้อง CCTV, การเชื่อมโยง บริษัทแม่และลูก, การเชื่อมโยงแต่ละอาคาร
สาย Fiber Optic ชนิด OUTDOOR/INDOOR with Drop Wire เป็นทางออกที่ช่วยให้ผู้ติดตั้ง ประหยัดไม่ต้องเดินสายสลิงเพื่อเป็น Messenger Wire สำหรับแขวนสาย Fiber Opic ทำให้การติดตั้ง สะดวกยิ่งขึ้น และสาย Fiber Optic ชนิดนี้มีคุณสมบัติเดินสาย OUTDOOR/INDOOR จากภายนอกเข้าไป ภายในอาคารได้เลยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นสาย INDOOR จึงทำให้ประหยัดและมีความปลอดภัยสูง (ดูคุณสมบัติพิเศษของสาย OUTDOOR/INDOOR ใน Tip ทำไม ? ต้องใช้สาย OUTDOOR/INDOOR)
ความหมายของคำย่อ
PE = Polyethelyne เป็นชนิดของวัสดุที่มาทำ Jacket ซึ่งมีความหมายทนทานต่อดิน ฟ้า อากาศอย่างมาก
LSZH = Low Smoke Zero Hologen เป็นชนิดของวัสดุทางวิทยาศาสตร์ที่นำมาผสมกับวัสดุอื่น ทำให้มี ประสิทธิภาพเมื่อ Jacket ถูกไฟเผาจะมีควันน้อย และไม่มีสารพิษในควันไฟ
FR = Flame Retadant เป็นชนิดของวัสดุทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้วัสดุที่นำมาทำ Jacket ไม่ลามไฟ
ทำไม ? ถึงต้องใช้สาย OUTDOOR / ARMORED
ปรกติสายใยแก้วที่ติดตั้ง OUTDOOR จะมีฉนวนภายนอกที่ทำจากสาร PE ซึ่งสามารถทนกรดด่างและ สภาพแวดล้อมได้ดี แต่เมื่อนำไปฝังดิน (Direct Burial) อาจจะประสบปัญหาการถูกของมีคมที่ขุดหรือเจาะ ลงไปทำให้ชำรุดได้ ดังนั้นสายที่ฝังใต้ดินส่วนใหญ่มักจะมีเกราะป้องกัน (Armored) และที่นิยมนำมา ทำเกราะเหล็กมากที่สุดได้แก่ Corrugate Armored Steel (เหล็กเป็นรูปคลื่น)
ผู้ติดตั้งบางท่านอาจจะนำสาย OUTDOOR/ARMORED มาเดินลอยหรือวางบน Cable Leader, WaireWay, Cable Tray ฯลฯ ได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันสัตว์กัดแทะ (Rodent) ได้ดี
ความหมายของคำย่อ
Armored = เกราะป้องกันม
Dierct Burial = ฝังดินเปลือง
2-Steel Wire Fiber Optic Cable เป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงที่ดัดแปลงโครงสร้างเพื่อลดต้นทุนของวัสดุ เนื่องจากstrength member หรือ ตัวรับแรงดึงที่เป็น E-Glass Yarn หรือ Aramis Yarn มีต้นทุนวัสดุที่แพงกว่าเส้นลวดมาก ดังนั้นผู้ออกแบบจึงใช้เส้นลวดสองเส้นมาฝังในโครงสร้างเคเบิ้ลเพื่อเป็นตัวรับแรงดึงแทน Yarn และเพิ่มเกราะเหล็กเพื่อให้ทนแรงดึงเพิ่มขึ้นอีกด้วย สำหรับข้อเสียก็คือการมีโลหะอยู่ในเคเบิ้ลอาจจะเกิดปัญหา การเหนี่ยวนำทางแม่เหล็ก หรือโอกาสเกิดฟ้าผ่า หรือมีกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำวิ่งไปในเคเบิ้ลได้
CTV Fig.8 Fiber Optic Cable เป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเดินสายของ Local Cable TV Operator หรือเคเบิ้ลท้องถิ่น ซึ่งมักเดินสายเกาะไปตามเสาไฟฟ้าหรือใต้ชายคาอาคารเพื่อขายบริการ Cable TV ท้องถิ่นให้แก่ประชาชน โดยมีเหตุผลจำเป็นที่จะต้องออกแบบตัวแขวนให้เป็นแบบลวดสลิง 7 เส้นก็เพื่อ ให้สามารถรับน้ำหนักของเคเบิ้ล และมีความปลอดภัย ทนทานต่ออุปสรรคต่างๆ
Fig.8 Outdoor (Multitube/Armored) เป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อนำไปใช้ติดตั้งเป็นโครงข่าย (Infrastructure) ของโครงข่ายระบบสื่อสาร ที่มีความแข็งแรงอย่างมาก การติดตั้งใช้วิธีนำปะกับหรือซัพพอร์ทมาจับกับ ชุดสลิงและนำไปแขวนเสาไฟฟ้าที่มีระยะ span ไปเกิน 80 เมตรได้ทันที ส่วนโครงสร้างของ Optical Fiber นั้นถูกออกแบบให้มีโครงสร้างการป้องกันน้ำซึมเข้าด้วยแผ้น Water Blocking Tape และยังมี Water Blocking Yarn เป็นตัวซักความชื้นที่อาจซึมเข้ามาอีกด้วย
อีกทั้งยังมีโครงสร้างที่เสริมเกราะเหล็ก(Armored) ของรุ่น MA ยังสามารถเพื่อป้องกันการกัดแทะของสัตว์หรืออุบัติเหตุจากภายนอกเข้าไปกระทบเส้นใยแก้วภายในได้อีกด้วย
F.O Adapter มีความสำคัญต่อการสื่อสารของแสง เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อของ F.O Adapter ดังนั้นวิศวกรจะให้ความสำคัญกับชนิดและค่าการสูญเสีย ณ จุดต่อของ F.O Adapter ค่อนข้างสูงและเลือกใช้ F.O Adapter ที่ถูกต้องเหมาะสมกับ F.O Connecter จะทำให้การสูญเสียน้อยลงโดยเฉพาะต้องคำนึงถึงคุณภาพของ F.O Connecter ด้วย
LINK ได้คัดสรรวัสดุที่มีคุณภาพสูงและมีความคงทนสูงสุดมาผลิด F.O Adapter เพื่อการเชื่อมต่อของแสงที่มีการบดทอนและการสะท้อนน้อยที่สุด
ความหมายของชื่อเรียก
1. F.O คำย่อของ Fiber Optic
2. MM = Multtimode ซึ่งเป็นชนิดของการนำแสงของแก้ว โดยทั่วไปในท้องตลาดมี2ขนาด คือ 62.5/125 mm และ 50/125 mm
3. SM = Singlemode ซึ่งเป็นชนิดของการนำแสงของแก้วเช่นกัน มีแก้วขนาดเดียว 9/125 mm หรือบางยี่ห้อใช้ขนาด 8.3/125 mm
4. SIMPLEX หมายถึง สายเดี่ยวกล่างคือข้างในไม่มี Optic Fiber แค่ 1 Core
5. ZIPCORD 2 CORE หมายถึง สายเดี่ยว2 เส้นมาเชื่อมติดกัน รูปร่างคล้ายเลข 8 นอน
6. DISTRIBUTION X CORE หมายถึง สายสำหรับเดินกระจายไปตามจุดต่างๆ เพราะแต่ละ Core ของสายประเภทนี้จะเป็นชนิด Tighr Buffer กล่าวคือมี Tube 900 mm หุ้ม Optic Fiber แล้ว
Duct Cable คือ สาย Outdoor ประเภทหนึ่งที่ออกแบบโครงสร้างไม่มีส่วนใดเป็นตัวนำไฟฟ้า (All-Dielectric) ซึ่งจะมีคุณสมบัติ ป้องกันฟ้าผ่า และส่วนใหญ่โครงสร้างของสายใยแก้วจะร้อยอยุ่ใน Loose Tube อันเดียว ซึ่งการใช้งานจะนำไปร้อยในท่อ HDPE หรือท่อเหล็ก
900 μm Tubling หมดปัญหาสายใยแก้วหักขณะเข้าหัวหรือม้นเก็บความเรียบร้อยใส่ในตู้หรือกล่องต่อสายหรือแผงกระจายสายด้วย การสวม Buffer Tube ขนาด 900 mm, สามารถป้องกันการแตกหัก เพื่อความสะดวกและปลอดภัย สมเป็นมืออาชีพในการเข้าหัว Fiber Optic